วิธีการหุงข้าวเหนียวและนึ่งข้าวเหนียว


ข้าวเหนียวช่วยบำรุงผิวพรรณสร้างสารอาหารให้ร่างกายเพิ่มสมรรถภาพการทำงาน
ของกระเพราะ ข้าวเหนียว เป็นธัญพืชที่รองลงมาจากข้าวที่คนเรานิยมรับประทานกัน
เพราะให้ความเหนียว ความมัน มีรสชาติที่น่ารับประทาน ความเชื่อของคนโบราณเชื่อว่า ข้าวเหนียวเป็นสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้ ซึ่งมีทั้งข้าวใหม่และข้าว ข้าวใหม่มีคุณสมบัติ
ออกฤทธิ์ร้อน นิยมปลูกในนาลุ่มที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์หรืออาจจะปลูกในที่ดอนก็ได้ที่
ี่เรียกว่าข้าวไร่ทางภาคเหนือ

          พันธุ์ของข้าวเหนียวมีอยู่ด้วยกันหลาย
สายพันธุ์ แต่ที่คนส่วนใหญ่เห็นจะมีอยู่สองสี
คือ ข้าวเหนียวที่มีสีขาวและข้าวเหนียวดำ
ข้าวเหนียวที่เก็บเกี่ยวเร็วเม็ดจะแข็งกว่าข้าวเหนียว
ที่เก็บเกี่ยวช้า แต่คนโบราณจะนิยมนำข้าวเหนียว
ที่เก็บได้ใหม่หลังจากที่สีแล้วไปฝากกัน ซึ่งทำ
ให้ผู้รับรู้สึกว่าเหมือนกับตัวเองได้ทำนาเองและมี
ีความปราบปลื้มใจมาก ถึงแม้ว่าจะมันจะไม่เยอะ
ก็ตาม
    ข้าวเหนียว

การหุงต้มข้าวเหนียวจะทำเช่นเดียวกับข้าวสารไม่ได้เพราะข้าวเหนียวมี
ความแน่นมากกว่า ในการหุงต้มจึงนำข้าวเหนียวแช่น้ำเสียก่อน ไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง หากมีความต้องการที่จะใช้ในเวลารวดเร็วใช้น้ำอุ่นแช่ การนำสารส้มเพียงเล็กน้อยมาใส่
ลงในข้าวเหนียวขณะที่แช่ จะช่วยให้ข้าวเหนียวขาวสะอาดขึ้น

ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะหุงข้าวเหนียวด้วยการนึ่ง ซึ่งต้องแช่ข้าวเหนียวค้างคืนก่อน หรือถ้าแช่น้อยกว่านี้ข้าวเหนียวจะไม่ค่อยนิ่มนัก บางครั้งที่เร่งรีบ มีเวลาน้อย หิวจัด และยิ่งเป็นมื้ออาหารที่ต้องมีข้าวเหนียวร่วมวงด้วย การหุงข้าวเหนียวด้วยหม้อหุงข้าวก็
เป็นทางออกที่ดีทีเดียวค่ะ วันนี้เมย์จึงขอนำเสนอการหุงข้าวเหนียวด้วยวิธีนี้ค่ะ สิ่งที่ต้องเตรียมมีดังนี้ค่ะ

        ◊ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า
◊ ข้าวเหนียวดิบ
◊ กะละมังสำหรับล้างข้าวเหนียวดิบ
◊ น้ำเปล่า
หม้อหุงข้าวไฟฟ้า

วิธีหุง

1. ข้าวเหนียวดิบ กระป๋อง
2. ตวงข้าวสารใส่กะละมัง เลือกเศษสิ่งที่ไม่ต้องการออกให้หมด ล้างด้วยน้ำเปล่า ๒-๓      ครั้ง
3. เทข้าวเหนียวที่ล้างแล้วใส่หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ไม่ต้องแช่ข้าวเหนียวนะคะ      ปริมาณน้ำที่ใช้ : ในปริมาณข้าวเหนียวและข้าวจ้าวที่เท่ากัน ให้ใส่น้ำน้อยกว่าการหุง
ข้าวจ้าวครึ่งหนึ่ง หรือมากกว่าครึ่งเล็กน้อย เช่น ถ้าตอนที่หุงข้าวจ้าวใช้น้ำ ๔ ถ้วยตวง      การหุงข้าวเหนียวก็ให้ใส่น้ำเปล่าแค่ ๒ ถ้วยตวง หรือ ๒.๒๕ ถ้วยตวงเท่านั้นค่ะ ทั้งนี้      ขึ้นอยู่กับชนิดของข้าวเหนียวว่าเป็นข้าวใหม่หรือข้าวเก่าด้วยค่ะ  ถ้าข้าวเหนียวใหม่
จะใช้น้ำน้อยกว่าปกติเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นข้าวเหนียวเก่า ให้ใช้น้ำมากกว่า
ปกติเล็กน้อยค่ะ
4. เสร็จแล้วเช็ดมือให้แห้ง เสียบปลั๊กหม้อหุงข้าว ที่สำคัญอย่าลืมกดปุ่ม Cook ด้วยนะคะ      ไม่เกิน ๑๕ นาที ได้กินข้าวเหนียวสุกร้อนๆค่ะ

เราจะเห็นได้ว่าคนภาคอีสานส่วนใหญ่จะนิยมรับประทานข้าวเหนียวกันมากกว่า
ข้าวเจ้า เพราะข้าวเหนียวรับประทานแล้วจะรู้สึกอิ่มท้องมากกว่าและอยู่ได้นาน แต่การ
รับประทานมากเกินไปจะก่อให้เกิดอาการไฟธาตุพิการได้ง่าย ผู้สูงอายุไม่ควรที่จะ
รับประทานข้าวเหนียวให้มากเพราะจะทำให้ติดคอได้

ข้าวเหนียวสามารถแปรรูปไปเป็นอาหารอื่นได้ส่วนใหญ่จะทำเป็นขนมมากกว่า
เช่นเทศกาลตรุษจีนก็ทำขนมแข่ง เทศกาลออกพรรษาคนในสมัยก่อนก็จะทำ
ข้าวต้มลูกโยน ข้าวต้มผัด ข้าวหลาม ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวนึ่งกินกับส้มตำ หรืออื่นๆ อีกมากมาย

นอกจากข้าวเหนียวจะมีประโยชน์ทางด้านอาหารแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย
ด้วยเช่น บำรุงร่างกาย  ช่วยขับลมในร่างกาย  สร้างสารอาหาร  เสริมสมรรถภาพ
กระเพาะอาหาร

ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เนียนขึ้นโดยการนำข้าวสารแช่ให้นุ่มแล้วโดยปั่นในเครื่องปั่น
ผสมกับใบตำลึงอ่อน สัดส่วน 1 ต่อ 1 นำมาพอกกับผิวหน้า ผิวกาย ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นช่วยลดริ้วรอย จุดด่างดำ ให้ค่อยๆ จางหายไป ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

ไม่ว่าจะเป็นข้าวเหนียวหรือข้าวเจ้าก็มีประโยชน์กับร่างกายเหมือนกัน                   ถ้าเรารู้จักถึงคุณค่าและรู้จักที่จะนำไปแปรรูปให้เกิดประโยชน์

 

วิธีนึ่งข้าวเหนียวให้นุ่ม

ส่วนผสม

1. ข้าวเหนียว 5 กิโลกรัม
2. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำสะอาดพอท่วม
4. ใบเตย 2-3 ใบ

วิธีการทำ

1. นำข้าวเหนียวที่ได้ไปทำการล้างน้ำให้สะอาด โดยล้างประมาณ 2 น้ำ
2. เติมน้ำสะอาดลงไปให้พอท่วม ตามด้วยเกลือ 1 ช้อนโต๊ะที่เตรียมไว้
3. หลังจากนั้นแช่ทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง ก็สามารถนำไปนึ่งได้

** ก่อนนึ่งข้าวเหนียวให้รองก้นหวดด้วยใบเตยประมาณ 2-3 ใบ จะช่วยให้ข้าวเหนียวมีกลิ่นหอมของใบเตยน่ารับประทาน

** การนำข้าวเหนียวแช่น้ำเกลือ ก่อนนำไปนึ่งนั้น จะช่วยลดระยะเวลาในการแช่ข้าวเหนียวได้ ซึ่งปกติแล้วถ้าไม่ใส่เกลือจะต้องใช้ระยะเวลาในการแช่ข้าวเหนียวประมาณ 1 คืน แต่เมื่อเติมเกลือลงไป แช่แค่ 1 – 2 ชั่วโมง ก็จะทำให้ข้าวเหนียวนุ่มน่ารับประทานขึ้น

http://www.baanmaha.com/community/thread30891.html

http://www.isaansmile.com/thai_food/page3-1.html

ใส่ความเห็น